วันอาทิตย์ที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2553

ดอกผีเสื้อ



ดอกผีเสื้อ
ชื่อวิทยาศาสตร์ของดอกผีเสื้อ: Dianthus chinensis
ชื่อวงศ์ของดอกผีเสื้อ: CARYOPHYLLACEAE
ชื่อสามัญของดอกผีเสื้อ: Dianthus
ชื่ออื่นๆ: Pink, Indian pink, China pink, Rainbow pink, ผีเสื้อ
ถิ่นกำเนิด:ทางยุโรปตอนใต้
การขยายพันธุ์:เพาะเมล็ด, ปักชำกิ่ง, เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ
ประวัติและข้อมูลทั่วไปของดอกผีเสื้อ
ดอกผีเสื้อเป็นไม้ดอกสกุลเดียวกับ คาร์เนชั่น มีดอกที่สวยงามสะดุดตา ส่วนใหญ่จะมีดอกสีชมพู ดังนั้นจึงได้ชื่อว่า pink ดอกผีเสื้อ กับ คาร์เนชั่น นั้นมีข้อแตกต่างที่พอจะใช้สังเกตได้คือ
1.ดอกผีเสื้อนั้นจะไม่มีกลิ่น
2ใบของดอกผีเสื้อมีแผ่นใบที่กว้างกว่าของคาร์เนชั่น
3.ใบของคาร์เนชั่นมีสีเขียวอมเทาเงิน 
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ของดอกผีเสื้อ
ดอกผีเสื้อเป็นไม้พุ่มเล็กสูงประมาณ 10-15 นิ้ว ใบมีสีเขียวแก่ ลักษณะใบนั้นยาวปลายเรียวแหลม ขอบใบทั้งสองข้างจะโค้งเข้าหากลางใบเล็กน้อย ทำให้มีลักษณะคล้ายร่องน้ำ ใบออกเป็นคู่แบบสลับ โดยใบจะหุ้มรอบข้อทำให้ส่วนข้อมีลักษณะบวมโต ดอกมีทั้งชนิดดอกซ้อนและดอกชั้นเดียว ปลายกลีบดอกจะมีลักษณะจักๆ คล้ายฟันปลาหรือฟันเลื่อย กลีบหุ้มดอก มีลักษณะรวมติดกันเป็นกรวยหุ้มกลีบดอกไว้ ดอกมีขนาดตั้งแต่ 2.5-3 นิ้ว สีของดอกมีหลายสี คือ ขาว ชมพู แดง แดงอมม่วง และอาจมีสองสีในดอกเดียวกัน พันธุ์ที่ใช้ปลูกมี
  • ดอกผีเสื้อพันธุ์ Bravo ดอกมีสีแดงเข้ม
  • ดอกผีเสื้อพันธุ์ China Doll ดอกสีแดงเข้มแต้มขาว กลีบดอกซ้อน
  • ดอกผีเสื้อพันธุ์ Snowflake ดอกสีขาว
  • ดอกผีเสื้อพันธุ์ Snowfire เป็นลูกผสม ดอกมีสองสี คือ มีสีขาวเป็นพื้น ตรงใจกลางดอกมีสีแดง
  • ดอกผีเสื้อพันธุ์ ในชุด Charm siries คือ Coral Charm มีสีชมพู, Crimson Charm มีสีแดง, White Charm มีสีขาว, Light Charm มีสีชมพูอ่อน 

การปลูกและดูแลรักษาดอกผีเสื้อ
ดอกผีเสื้อชอบแสงแดดจัด อุณหภูมิกลางคืนเย็นแต่ก็ไม่จำเป็นต้องเย็นมาก สามารถปลูกได้ในกรุงเทพฯ ดินปลูกต้องมีความอุดมสมบูรณ์ มีธาตุอาหารสมบรูณ์ โปร่ง มีอินทรีย์วัตถุสูง ถ้าต้องการให้ดอกผีเสื้อมีขนาดสม่ำเสมอ ดอกดกและดอกบานพร้อมๆ กัน ควรเด็ดยอดออก โดยทำการเด็ดยอดเมื่อต้นสูงประมาณ 6 นิ้ว หรืออาจเด็ดหลังจากปลูกได้ประมาณ 4 สัปดาห์ หลังจากนั้นต้นจะแตกกิ่งก้านทำให้พุ่มต้นใหญ่ขึ้น ระยะเวลาจากเพาะเมล็ดถึงให้ดอกประมาณ 3 เดือน